The Seven Lives of Lea หรือจะเรียกให้สวยๆ เข้าใจง่ายๆ ก็คือเรื่องราวชีวิตของลีอานั่นเอง แต่เพิ่มเติมตรงที่ความมหัศจรรย์ ที่หญิงสาวลีอาคนนี้ ที่ตัวเองไม่ได้ให้คุณค่าอะไรกับความพิเศษที่ตัวเองมีเลย แต่เหมือนสวรรค์ และสิ่งที่หาคำตอบไม่ได้เข้ามา เพื่อเพิ่มโอกาสให้เธอได้มีช่วงเวลาที่วิเศษ ในการเข้าไปเป็นคนอื่นในอดีต 7 คน หรือ 7 ชีวิต เพียงเพื่อในการตามหาว่า ใครเป็นคนฆ่าชายหนุ่ม ที่ช่วงแรกของซีรี่ย์เปิดโจทย์ให้เธอต้องทำหน้าที่นี้
แต่จริงๆ แล้วเหมือนความต้องการของหนังจริงๆ ไม่ได้ต้องการให้ลีอาหาตัวฆาตกร มากไปกว่าทำชีวิตของตัวเองให้มีค่ากว่าที่เป็นอยู่ในวันนี้ ที่ความรู้สึกเหมือนอยู่ไปวันๆ ไม่ได้มีเป้าหมาย หรืออะไรที่จะทำให้อนาคตของตัวเองดีเป็นพิเศษ และหลังจากนี้เชื่อเลยว่า จากการที่เธอได้ทดลองเป็นใครอีกคน รวมถึงการเข้าไปเรียนรู้ชีวิตของคนๆ นั้น รับรู้ในทุกเรื่องของคนที่เธอเข้าไปเป็น จะทำให้เธอได้มองเห็นชีวิตของตัวเองกลับมาในโลกปัจจุบันนี้ ในภาพใหม่ที่มีค่ากว่าอย่างแน่นอน
แต่ละตอนแนะนำแต่ละชีวิตทั้ง 7 คนใน The Seven Lives of Lea
การบอกแต่ละตอนว่าจะมีเนื้อเรื่องเป็นยังไง เราจะได้เห็นการตั้งชื่อเรื่องง่ายๆ เลยว่า ตอนเท่ากับคนที่ลีอาเข้าไปสวมชีวิตเป็นคนๆ นั้น และคนแรกที่เธอควรจะเข้าไปเรียนรู้คือ คนที่ใกล้ตัวพ่อแม่ของตัวเธอที่สุด พ่อแม่ที่เธอมีความรู้สึกไม่ดี และไม่มีความภูมิใจด้วยเลย อิชมาเอลคือชายหนุ่มที่ทำให้ลีอา จะค่อยๆ ปรับตัวว่าชีวิตเธอต่อไปนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปกับหน้าที่ในการตามหาตัวคนที่ฆ่าชายหนุ่มคนนี้อย่าง อิชมาเอล
เสน่ห์ของ The Seven Lives of Lea ที่แทรกมาตลอดทั้งซีรี่ย์เลยคือ ความมีมนต์ขลังของยุค 90 ที่มีทั้งเทปคาสเซ็ท และเซาว์เบ้าท์กับยี่ห้อที่คุ้นหูกันบ้างอย่าง Sony Walkman โดยเฉพาะคนที่เกิดในช่วงยุคนั้น ทั้งเพลงของ Sixpence Non The Richer อย่าง Kiss Me ที่ไม่มีใครไม่เคยได้ยินหากเกิดในช่วงเวลานั้น ทุกอย่างเหมือนหนังต้องการรื้อฟื้นความเป็นคนในยุค 90 กลับมาให้วัยรุ่นในยุคนี้ได้เห็น ทั้งการแต่งตัว วัฒนธรรมการมาพบเจอแล้วทำอะไรกันบ้าง ความใสของเด็กวัยรุ่นในช่วงเวลานั้น การเริ่มต้นตอนแรกโดยให้ลีอา เข้าไปสวมบทของอิชมาเอล อาจต้องการให้ตัวเธอ เรียนรู้พ่อแม่ของเธอตั้งแต่วัยรุ่น ได้เข้าใจและรู้จักพ่อแม่ของตัวเองให้ดีพอ เพื่อที่จะรู้ว่าในวันนี้ที่พ่อแม่ของธอ อาจทำอะไรที่เธอมองแล้วไม่เข้าท่าในมุมมองของตัวเธอ แต่ยังไงแล้วคนทั้งสองก็ยังเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธออยู่ดี
เข้าไปเรียนรู้ในชีวิตของแต่ละคน ที่ต่างกันแบบสุดขั้ว
การได้รับสิ่งพิเศษในการเข้าไปเรียนรู้ และเป็นคนอื่นสำหรับลีอา อาจต้องแลกมาด้วยความท้าทายแบบสุดขั้ว เพราะแต่ละคนที่ลีอาต้องไปเป็นตัวตนคนนั้น ไม่ได้มีชีวิตแบบปกติธรรมดา ไม่เป็นนักเลงอัธพาล หรือเป็นคนที่สุดขั้วทางใดทางหนึ่งไปเลย ทำให้เหมือนเวลาแค่ 7 วันเธอได้รับประสบการณ์ ที่เอาไปใช้กับชีวิตตัวเองหลังจากนั้นในแบบคุ้มค่า
แต่ข้อด้อยของเรื่องนี้ อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจใครหลายคน ที่ต้องการดูหนังวัยรุ่นที่ปลดปล่อย ไม่มีภาระและปัญหาอะไรมากวนใจ แต่ความที่เป็นเหมือนหนังชีวิตนี่แหละ ที่ทำให้ทั้งคนดู และลีอาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างไปด้วยกันผ่านตัวละคร 7 ตัว สุดท้ายแล้วพอถึงตอนจบซีซั่น เราอาจจะไม่อยากรู้แล้วก็ได้ว่า ใครฆ่าอิชมาเอล แต่อยากรู้มากกว่าว่า ชีวิตของลีอาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน
หนังฝรั่งเศสเรื่องนี้อาจมีบางช่วง ที่เหมือนเดินเรื่องเอื่อย และมีความเป็นน้ำเยอะไปหน่อย แต่เชื่อเถอะว่า The Seven Lives of Lea ต้องการเพียงแค่ให้คนดูต้องการพักความรู้สึกบ้าง เพราะในช่วงเวลาที่ย้อนอดีต ที่ให้หน้าที่ลีอาในการเป็นคนอื่นนั้น มันไม่ง่าย และดูออกจะเครียดกับเบื้องหลังชีวิตของแต่ละคนด้วยซ้ำ ดังนั้นหนังเลยคล้ายกับว่า มีซีนที่ผ่อนหนัก ผ่อนเบาให้กับคนดูได้สลับอารมณ์บ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าไม่ได้ดีจนสุด แต่ก็ให้สาระอะไรกับเราบ้างในตอนที่ดูจบ
