The Letter for The King ที่มีแนวเนื้อหา เกี่ยวกับยุคอาณาจักรอัศวิน ที่คล้ายกับเรื่อง Game of Thrones แต่เรื่องนี้มีเนื้อหาที่เบา ดูง่าย ย่อยง่ายกว่า ด้วยความที่ต้องการสร้างมา เพื่อให้เป็นเหมือนนิทานให้กับเด็ก เหมือนนิทานอัศวินผู้กล้าหาญ มีพระเอกที่คอยกอบกู้อาณาจักร และมีตัวร้ายที่เป็นอัศวิน หรือเจ้าขายที่คอย ตามล่า และหวังเพื่อช่วงชิงความยิ่งใหญ่
เนื้อหาเป็นไปตามนี้เลย เพียงแต่ส่วนปลีกย่อย ที่จะสร้างความสนุกให้กับคนดู ก็มีการวางตัวพระเอก อย่างอัศวินทิวลี่ ที่ถึงแม้ได้รับการนำมาเลี้ยงจาก อัศวินในระดับชั้นสูง แต่ไม่ได้ทำให้ฝีมือในการค่อสู้ของเด็กผู้ชายคนนี้ มีความเก่งกาจ สามารถจนสามารถเป็นที่ยอมรับของใครได้ แตกต่างจากเจ้าขาย โวลิเดีย แห่งราชอาณาจักรอูนาเวน ที่มีทั้งความมักใหญ่ ใฝ่สูง ความกล้าหาญ และบ้าดีเดือดที่จะต้องการ ชนะการต่อสู้ และเป็นเจ้าของทุกอาณาจักร
แต่ในขณะที่อัศวินทิวลี่ เข้ารับการทดสอบ เพื่อที่จะได้รับการบรรจุเข้าเป็นอัศวินอย่างเต็มตัวนั้น การช่วยเหลือชีวิตคนๆ หนึ่งในระหว่างการฝึกทดสอบ ทำให้ทิวลี่ได้เจอม้วนสาสน์ลับ ที่จำเป็นต้องนำไปให้กับพระราชา เพราะเนื้อความด้านในบอกถึง เหตุการณ์ในอนาคตของราชอาณาจักรแห่งนี้ ที่ไม่สู้ดี กับการโดนสิ่งชั่วร้ายเข้าครอบงำ และปกครองแทน โดยมีเบื้องหลังเป็น เจ้าชายแห่งโวลิเดีย ผู้กระหายความยิ่งใหญ่
ลางร้ายที่จะนำภัยพิบัติมาสู่อาณาจักร The Letter for The King

เหตุการณ์เริ่มมาจาก ลางบอกสิ่งชั่วร้าย ที่กำลังเข้ามาเหยียบในอาณาจักรแห่งนี้ โดยการปรากฏการณ์ของพระจันทร์สีเลือด ที่ค่อยๆ กระจายความืดปกคลุมพื้นที่ๆ แห่งอาณาจักรแห่งนี้ ซึ่งความหมายคือ ความล่มสลาย และความอ่อนแอของอัศวิน และประชากรที่อยู่อาศัยในที่แห่งนี้ จะโดนฆ่าตาย และโดนความชั่วร้ายเข้ามาครอบคลุมแทน โดยเบื้องหลังก็คือ เจ้าชายโวลิเดียนั่นเอง แต่จะเกี่ยวกับสิ่งชั่วร้าย และสัญลักษณ์พระจันทร์สีเลือดได้ยังไง ตรงนี้ต้องตามดูความเป็นมาในเรื่อง The Letter for The King ไปเรื่อยๆ เพราะหนังจะค่อยๆ แง้มให้เราเห็นทีละนิด
ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ความเป็นมาสายเลือดของพระเอก อย่างอัศวินทิวลี่ ที่มีสายเลือดของพ่อมดหมอผีอยู่ด้วย การที่ทิวลี่จะกอบกู้อาณาจักรแห่งนี้ ด้วยตัวเองคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน หากขาดกลุ่มแนวร่วม หรืออัศวินคนอื่นๆ ที่มารวบรวมทีละคน รวมถึงเจ้าชายโวลิเดีย หากไม่นับรวมฝีมือการต่อสู้ การรบ ที่ทิวลี่เป็นรองอย่างชัดเจน แต่เจ้าชายโวลิเดีย ยังมีเวทมนตร์เป็นตัวเสริม ที่ทำให้การรบในครั้งนี้ สามารถชนะแบบง่าย และพริบตาเดียว แต่เรื่องราวคงไม่ง่ายอย่างนั้น
อย่าคาดหวังในเนื้อหามากเกินไป สำหรับเนื้อหาและการต่อสู้
ซึ่งเนื้อเรื่องโดยรวม เราอาจมองเห็นว่ามีส่วนคล้ายคลึงกับ หนังแนวสู้รบ หรืออัศวิน แต่พื้นฐานหนังซีรี่ย์เรื่องนี้ มีการทำเพื่อเน้นสำหรับเด็ก ดังนั้นเนื้อหา การวางตัวละคร รวมถึงการต่อสู้ อาจอ่อนและไม่หนักแน่นเท่าไหร่ หากเทียบกับหนังประเภทเดียวกัน แต่เน้นคนดูกลุ่มผู้ใหญ่ เหมือนเราดูหนังอัศวิน ที่สร้างจากนิยายเด็ก
แต่นี่ก็เป็นคำถามให้กับเรา ในฐานะคนดูได้เหมือนกันว่า ทำไมภารกิจที่ยิ่งใหญ่ ที่กอบกู้อาณาจักร และนำสาส์นเรื่องสำคัญแบบนี้ ให้กับพระราชา ถึงเลือกเด็กผู้ชายที่ดูอ่อนแอ และเหมือนไม่ได้เรื่อง อีกทั้งบางครั้งยังแอบเอาใจช่วย เจ้าชายโวลิเดีย ที่ดูออกจากหล่อ และแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
เหตุผลที่เรามักจะเจอกับหลายเรื่อง ที่ทำออกมาเป็นหนังคือ การถูกเลือกแล้วจากสิ่งที่เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ หรือจากเบื้องบน ที่คล้ายกับเรื่อง The Matrix กับคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นคนสำคัญ และนำความรอดมาให้คนนส่วนใหญ่ได้ และจะมีการบอกให้เราได้รู้คำตอบว่า ทิวลี่มีพลังที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่
จริงๆ หนังเรื่องนี้ก็เหมือน เป็นการปูเรื่อง ให้เห็นถึงความเป็นคนธรรมดา ของเราทุกคน ที่บางคนก็มองเห็นตัวเองว่า ไม่ได้เป็นคนที่เก่งกล้าสามารถ หรือสามารถทำในสิ่งที่ยากลำบากอะไรได้เลย แต่จุดเริ่มต้นที่เราเห็น ก็ใช่ว่าตอนจบจะเป็นแบบนั้นไปตลอด เพราะหนังเรื่องนี้ The Letter for The King ยังอยากบอกคนดูด้วยว่า เราทุกคนสามารถเป็นคนยิ่งใหญ่สำหรับบางเรื่องได้ และเราทุกคนมีคุณค่า