Firefly Lane หากพวกเราในวันนี้ ที่จะถามตัวเองดูว่า มีเพื่อนที่สนิท และเชื่อใจได้ในทุกเรื่อง และไม่คิดร้ายกับเราหรือไม่ และมีกี่คน เพราะหลายคนสามารถบอกได้เลยว่า หากมีเพื่อนที่ดีแค่เพียงคนเดียว ก็ถือว่าโชคดี และคุ้มค่ามากแล้ว หนังเรื่องนี้มาจากนิยายเขียนของ คริสติน แฮนนาห์ ที่เป็นหนังสือ 1 ใน 10 อันดับหนังสือ่ขายดี และก่อนที่หนังเรื่องนี้ จะมีการฉายที่ Netflix โดยที่เมื่อฉายได้เพียงแค่ 3 วันก็เป็นหนังที่ติดอันดับที่ 1 ทันที
ทั้งหมดคงสามารถบอกอะไรได้บ้าง สำหรับการที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่หนัง feel good เท่านั้น แต่เป็นการเน้นความสัมพันธ์ ของความเป็นเพื่อนที่หากเป็นคนดูผู้ชาย อาจจะไม่ใช่ทาง แต่หากเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว จะเหมือนเราดูภาพ ความผูกพันของเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน อาจจะนับตั้งแต่วัยเรียนมัธยม จนถึงวัยทำงาน แต่หนังบอกถึง ทัลลี่ และเคท ที่มีช่วงเวลาที่รู้จัก และติดต่อกันมา 30 ปี จนในวันนี้ทั้งคู่ อายุล่วงเข้าเลข 4
ความหมายดีๆ ที่ไม่ต้องพูดอะไรมากใน Firefly Lane
เราคงเคยได้ยินกันว่า กับคนสนิทและเข้าใจเรามากๆ เจอกัน หรือแม้กระทั่งเมื่อเกิดเหตุการณ์อะไร ที่ทำให้เราเสียใจ การได้เพื่อนคนนี้มาอยู่ข้างๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลา ที่ปลอบใจอย่างดีที่สุด อย่างใน Firefly Lane เคท และทัลลี่ ถือว่าเป็นเพื่อนแบบนั้น โดยที่เธอทั้งคู่ก็การงาน ครอบครัว ให้ดูแล แต่นานๆ ครั้งที่ได้โทรหากัน และเจอกัน ความสนิท และความรักที่มีต่อกัน ไม่เคยลดน้อยลงเลย
ตั้งแต่เด็ก ทัลลี่อยู่ในครอบครัวที่แม่ทิ้งไว้กับยาย และเพิ่งมารับทัลลี่ไปเลี้ยงเอง ในวัยที่เข้าสู่วัยรุ่น เมื่อเทียบทัลลี่ กับเคทนั้นก็ถือได้ว่า เห็นความต่างของสองสาวนี้ ทัลลี่ออกจะเป็นสาวที่ทันคน ทันโลก และดูเป็นเครื่องหมายของ ผู้หญิงสังคม เมื่อโตขึ้นเธอจึงได้ทำงาน เป็นผู้ดำเนินรายการ Girlfriend Hours ที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทของคนดู มีเรื่องอะไรก็มาเล่า มาติดตามให้ฟัง
ส่วนเคท ที่ออกจะเป็นสาวเนิร์ด ใส่แว่นคล้ายเด็กเรียน เธอไม่ค่อยสังคม หรือพูดไม่เก่งเท่าทัลลี่ การงานจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเคททำงานในด้านการเขียนหนังสือ และบรรณาธิการ ซึ่งเธอต้องมาสมัครงานใหม่ ในวัยขึ้นเลย 4 จากการเลิกกับสามี และมีลูกที่ต้องคอยดูแล ที่สำคัญอยู่ในช่วงวัยรุ่น ที่เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ และเหมือนความต่างในด้านบุคลิกภาพภายนอก และการงานเหมือนเธอทั้งคู่ สามารถเสริมกันและกันได้อย่างลงตัว ทั้งการดูแล และการเป็นที่ปรึกษาให้กัน
การจงใจถ่ายสลับระหว่างช่วงวัยรุ่น และปัจจุบัน
วิธีการเล่าเรื่อง เพื่อให้คนดูได้เห็นความผูกพันได้ดีที่สุด คือการที่ให้คนดูได้เห็น ช่วงเวลาวัยรุ่น สลับกับช่วงทำงานในวัย 40 ขึ้นของทั้งคู่ ยิ่งจะเราได้เห็นถึง ความผูกพันในวัยเด็ก วัยรุ่นเรื่อยมาจนถึง วัยปัจจุบันนี้ และที่เราเห็นได้ชัดคือ ในขณะที่ลูกของเคท คือมาร่าห์นั้นเกิดความรู้สึก ไม่ชอบแม่ตัวเองในบางเรื่องนั้น ทัลลี่นัดมาคุย เพื่ออยากรู้สาเหตุที่แท้จริง และมีวิธีบอกให้มาร่าห์ เข้าใจแม่ของเธอในทางที่ควรจะเป็น
เราทุกคนเมื่อจากวัยเด็ก มาจนถึงวัยรุ่น และวัยทำงานจนถึงวัยกลางคนนั้น จะรู้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน และความทรงจำในอดีตนั้น มีคุณค่าอย่างมาก สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้เรา เมื่อนึกถึงแล้ว ช่วยให้เราขับเคลื่อนชีวิต ไม่ว่าจะเป้นการทำงาน ความฝัน และความหวัง ได้อย่างมีพลังมากขึ้น และถือว่าเป็นสิ่งที่หายาก เมื่อเรายิ่งมีอายุเพิ่มมากขึ้น โอกาสที่จะสร้างความทรงจำดีๆ ในช่วงเวลาที่เหลือ ก็จะน้อยลง และการมีเพื่อนที่ดีก็จะน้อยลง
หากวันหนึ่งที่เราผ่านช่วงเวลา ที่สนุกสนานในวัยที่ต้องการเรียนรู้ มาถึงวัยที่เริ่มนิ่งลง ไม่ว่าจะเป้นเป้าหมาย และการหาตัวตนของตัวเอง เราจะรู้ว่าสิ่งที่เราเคยมองว่าสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง การงาน ความก้าวหน้านั้น ต่างมีวันเปลี่ยนแปลงไป แต่กับความสัมพันธ์เพื่อนดีๆ ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน Firefly Lane จะบอกคนดูว่า หากเราเจอเพื่อนที่ดีจริงๆ เราก็จะได้ความรู้สึุกที่วิเศษอย่างนั้น เหมือนในหนัง ที่หากใครมีเพื่อนอย่างสองสาวในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นคนที่โชคดี เพราะไม่ว่าช่วงเวลาไหน เราจะมองเห็นคนๆ นั้นอยู่กับเราเสมอ