Blacklist หนังที่ทำออกมาเกี่ยวกับ การตามจับ ไล่ล่า หรือเกี่ยวกับการโจรกรรม ยังคงถือว่าขายดีอยู่ และมีคนสนใจที่จะหาดูอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะหนังซีรี่ย์ ที่ทำออกมาเป็นตอนๆ ที่แยกย่อยออกจากกัน ข้อดีที่คนดูชอบคือ การได้ดูหลายแง่มุมของแผนการร้ายของพวกโจร หรือมีหลายสถานการณ์ เหตุการณ์ให้ผลัดเปลี่ยนมุมมอง ดีกว่าการดูหนังยาว ที่มีพลอตเรื่องเดิมๆ เดินเรื่องยาวตลอด 2 ชั่วโมง
หนังเรื่องนี้ จะจับความน่าสนใจของเนื้อหา โดยเฉพาะการมุ่งเน้นไปที่ เหล่าอาชญากรรม หรือพวกจารชน ที่เป็นตัวหัวกะทิ เก่งแบบหาตัวจับยาก หรือเรียกว่าหากยังเป็นโจรอยู่ ก็ทำให้ตำรวจเจองานช้างได้ เข้ามาเป็นทีมเดียวกับตำรวจ แต่อย่าเพิ่งวางใจนะว่า จะเข้าฝ่ายกับตำรวจจริงๆ ซึ่งเราคงต้องดูกันไปยาวๆ ว่า เรย์มอน อดีตอาชญกรที่เก่งในทุกด้านรอบตัว รวมถึงเป็นอดีตทหารเรือเก่า และสำคัญมากกว่านั้นคือ ยังสามารถหลบหนี จากการจับกุมของตำรวจได้ แต่ในวันนี้ที่จู่ๆ ก็เดินเข้าไปมอบตัว คุกเข่ากลางที่สาธารณะให้ตำรวจล้อมจับ คงไม่ใช่เรื่องปกติแน่ๆ
ข้อเสนอที่ดีทั้งสองฝ่าย Blacklist ปูเรื่องได้น่าสนใจไปอีก
หนังแนวสืบสวน สอบสวน และอิงเรื่องราวเกี่ยวกับ ความมั่นคงของประเทศ โดยเริ่มเรื่องจากการที่ ตัวอาชญากร เข้ามามอบตัวกับตำรวจแบบง่ายๆ อย่างนี้ คงไม่มีอะไรที่ง่ายหลังจากนี้ ในการตกลงเงื่อนไข และข้อตกลง เพราะ Blacklist ก็ยังเห็นความต้องการของตำรวจมากกว่านั้น คงไม่ใช่เพียงแค่ต้องการให้ เรย์มอนเข้าไปอยู่ในคุก เพราะตัวเขาก็มีข้อมูล อาชญากรทั่วโลกอยู่ และแต่ละคดี ก็เป็นส่วนที่ตำรวจตามเรื่องไม่ได้ และมีผลกับความมั่นคงในประเทศ และระหว่างประเทศ
ดังนั้นสิ่งที่เรย์มอนด์ มีข้อเสนอให้กับทางตำรวจ และ FBI คงไม่แปลกที่เขา จะเสนอในสิ่งที่ตัวเองต้องการในการทำงานร่วมกัน โดยมีชื่อเจ้าหน้าที่สาว หน่วย FBI ในสังกัดการวิเคราะห์พฤติกรรม เข้ามาเป็นผู้ที่ เรย์มอน มีความต้องการที่จะทำงานร่วมด้วย ตรงนี้ให้เดาเลยว่า ไม่ว่าใครที่ดูแล้ว ก็คงมีคำถามกันแน่นอนว่า ทำไมต้องเป็น ผู้หญิงคนนี้ด้วย
ความฉลาดในตัวอาชญากร และการไขคดีของนักสืบสาว
ตรงนี้จะชมเพียงแค่ตัวของ เรย์มอนด์ ก็คงไม่ได้ หากไม่มีเบธ หรือลิซ อลิซาเบธ นักสืบสาวที่เราก็ยังคงต้อง วางโจทย์คำถามว่า ทำไมเรด หรือเรย์มอน ต้องการตัวเธอให้มาเป็นคู่หู ในการทำงานแค่คนเดียวเท่านั้น เพราะลำพังตัวเรด ก็มองภาพในแต่ละคดีได้ออกหมด รวมถึงการแก้ไขสถานการณ์ ที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยด้วยซ้ำ
เพียงแต่การให้ ลิซ เข้ามาช่วยเหลืองานตำรวจเพราะ ช่วยให้ตัวเรด มีข้อต่อรองกับทางตำรวจได้ว่า การที่เขาต้องการมีอิสระภาพ และสามารถทำอะไรได้อย่าง ไม่มีใครตามมาคุม หรือจับตามอง ซึ่งสิ่งนี้กับคนที่เป็นที่ต้องการของตำรวจ เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างมาก
โดยรวมแล้ว หนังซีรี่ย์เรื่องนี้ถือว่า หากคนดูไม่ซีเรียส และดูไปเรื่อยๆ ตามคดี และการไขปมไปเรื่อยๆ ก็จะสนุกไปกับพลอตเรื่องได้ โดยที่บางที บทของลิซ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า Blacklist เหมือนสร้างมาเพื่อให้ เรย์มอน โดดเด่นกว่าใครในเรื่อง จะว่ากันไปแล้ว ก็เหมือนตัวร้ายในคราบพระเอกของเรื่อง ที่ดูยังไงก็ยังต้องบอกว่า แม่เหล็กของเรื่องนี้มากองอยู่ที่ตัวของ James Spader คนเดียวจริงๆ
https://www.slashfilm.com/600414/the-blacklist-season-9-release-date-cast-and-more/
