Black Mirror ถือว่าเป็นการนำเสนอหนัง ที่แตกต่างไปจากเรื่องอื่นๆ แต่ถ้าจะบอกว่า ไม่เคยมีเรื่องไหนที่นำเอา เรื่องนั้นหลายเรื่อง มารวมอยู่ในเรื่องหลักเรื่องเดียว เหมือนอย่างเรื่องนี้ก็คงไม่ใช่ เรื่องนี้เลยถือว่าเป็น เรื่องที่นำรวมเอา หลายๆ เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน จบในเรื่องนั้นๆ เลย แต่เป็นเนื้อหาหลัก เกี่ยวกับภัยทุกชนิด ของการพัฒนาเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เนท ออนไลน์ AI หรือแม้แต่อุปกรณ์ไอที พวก gadget ต่างๆ ก็ตาม
โดยที่หนังต้องการสื่อให้เห็นถึง ด้านดี และด้านผลเสีย ที่ในเกือบทุกเรื่อง คนที่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ คาดไม่ถึงกันเลยว่า จะมีผลตามมาที่คาดไม่ถึง แม้ว่าภายหลังจะรู้ว่า เป็นผลเสียก็ยังทำใจ ที่จะเลิกเสพสื่อออนไลน์ หรือใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นหนังที่เข้าถึง ชีวิตจริงของเราทุกคนในเวลานี้ และดูๆ ไปก็อดไม่ได้ที่จะ มองย้อนกลับตัวเองว่า ตัวเราเสพติดเทคโนโลยีด้านไหนแล้วบ้าง
ภายในเรื่องนี้ มีการรวมเอาเรื่องสั้นๆ ที่เกี่ยวกับภัยความเจริญ ทางด้านไอทีทั้งหมด 22 เรื่อง แต่ละเรื่องจะแตกแยกย่อย โดยที่ไม่มีเนื้อหาซ้ำกันเลย อาจเหลือเพียงแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างบางฉาก ที่มีการจัดให้ตาของตัวละคร มัวเป็นสีด้านเหมือนกัน ในช่วงเวลาที่เข้าไปเชื่อมโยงระบบไอที ไม่ว่าจะเป็น VR ในการเล่นเกม ของเรื่องแรก หรือการบันทึกระบบความจำทั้งหมดของคน ในยุคโลกอนาคต แล้วเราต้องการย้อนกลับไปดูบันทึกในความจำของเรา
การผิดศีลธรรมในใจ ที่รู้สึกได้ใน Black Miror
อย่างในเรื่องแรก ที่ดูตอนเริ่มเรื่อง เราจะมองเห็นแค่ว่า เป็นการดำเนินชีวิตของ คู่รักที่ก้าวมาเป็นครอบครัว มีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยมีลูกเป็นตัวเชื่อม ซึงตัวละครหลักมีไม่เยอะ มีแค่แดนนี่ และคาร์ล เป็นเพื่อนสนิทผิวสี ที่คบกับมาตั้งแต่วัยรุ่น มาถึงวัยหนุ่มใหญ่ทำงาน เวลาที่ผ่านมา 11 ปี กับวิวัฒนาการของความทันสมัยของเกม ที่ในวันนี้ก็มีคนนำมาใช้เล่นกัน
สองคนที่ต่างมีครอบครัว แดนนี่ยังขาดแค่ ต้องการมีลูก และต้องหาเวลาที่จะอยู่ใกล้ชิดกัน เพื่อที่จะมีลูกให้สำเร็จ ช่วงเวลาที่แดนนี่กับภรรยาของเขา ควรจะใกล้ชิดกันให้มากกว่าเดิมนั้น กลับกลายเป็นจังหวะที่คาร์ล ก้าวเข้ามาหยิบยื่นบางอย่าง ในเกมที่เคยเล่นกันมาในช่วงวัยรุ่น แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เมื่อเริ่มเล่นเกม โดยที่คาร์ลเป็นฝ่ายชวนแดนนี่ ให้เข้ามาเล่นกับเขา เพียงแต่รายละเอียดที่แดนนี่ควรรู้ คาร์ลปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติ ในสถานการณ์การเล่นเกม ที่แดนนี่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยที่ในตัวเกมนั้น สไตร์คกิ้ง ไวเปอร์ เป็นเกมการต่อสู้ที่คล้าย Street Flighter แต่การเข้ามาเล่นรอบสอง ที่คาร์ล์เริ่มลองเชิง แดนนี่ให้ค่อยๆ ซึมซับมุมมืดของเกมตัวนี้ การมีความสัมพันธ์กันในเกม โดยใช้ตัวเล่นในเกมเป็นตัวแทนของเรา ที่เป็นคนเล่น แต่ถือว่า Black Miror ก็ทำให้คนเล่นรู้สึกเหมือนจริง ทำให้ทั้งสองแอบมีความสัมพันธ์กันลับๆ ในช่วงเวลาที่นัดเล่นเกมกัน
บททดสอนทางใจ เมื่อความถูกต้องขัดแย้งกับความต้องการภายใน
หลายครั้งเราทุกคนก็มีโอกาส ที่จะรู้สึกแบบนี้ได้ กับความรู้สึกภายใน ที่ต้องการทำแต่ขัดกับความถูกต้อง แต่ถ้าถามว่า คู่ของแดนนี่ และคาร์ลนั้นทำผิดกฏหมาย หรือผิดศีลธรรมจริงๆ หรือไม่ คงไม่สามารถที่จะบอกแบบนั้นได้เต็มปาก อยู่ที่ว่าตัวเราเองจะคิดยังไงกับเรื่องที่ทำ เพราะในใจลึกๆ ของแดนนี่ เมื่อรู้สึกผูกพัน และขาดการเข้าเล่นเกมกับคาร์ลไม่ได้แล้ว ความห่างเหินของเขากับภรรยา ที่ต้องการมีลูกคนหนึ่งให้ได้ รวมถึงหน้าที่ของสามีก็บกพร่อง จนอีกฝ่ายรู้สึกได้
เนื้อร้ายของความรู้สึกดีๆ ของคู่รักนี้ โดนสื่อทางอิเล็คทรอนิคส์ ค่อยๆ บ่อนทำลายโดยอาศัยเครื่องมือคือ เกมที่พวกเขาติดเล่นมานาน โดยที่เพิ่มการสัมผัสทาง หู ตา และการทำงานของสมอง ให้เสมือนทุกอย่างเกิดขึ้นจริงๆ ผ่านแผ่นยางที่แปะข้างขมับเพียงเท่านั้น
จริงๆ ทั้ง 22 เรื่องในหนังเรื่องนี้ อาจไม่ใช่เรื่องใกลตัวเราเลย อีกทั้งในหลายเรื่องกำลังเกิดอยู่ในสังคมอีกด้วย ดังนั้น Black Miror ถือว่าเป็นการสะกิดตัวเราทุกคน และบอกให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้มีข้อดี ที่บางอย่างก็เอื้ออำนวยความสะดวก รวมถึงเป็นเครื่องมือในการทำงานให้กับเราได้อย่างดีทีเดียว แต่กลับกันหนังก็อยากบอกเราว่า อย่าลืมนะว่า เหรียญมี 2 ด้าน และหากใช้ไม่ระวัง อีกด้านอาจให้ผลกลับคืนมา ที่เกินความคาดหมายของเราก็เป็นได้
https://www.netflix.com/th/title/70264888
