Don’t Look Up ซีรี่ย์ที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ขึ้นต้นปี 25ุ65 หนังเรื่องนี้ก็เปิดตัว ให้กับคอหนังซีรี่ย์ ที่ใครได้เริ่มต้นดู 20 นาทีแรก ต้องร้องว่ามันโดนใจ กับชีวิตจริงที่เจอๆ กันอยู่ กับความจริงในบางเรื่อง ที่ถือว่าใหญ่โต แต่คนเราก็เลือกที่จะปกปิด บิดเบือน และแกล้งทำเป็นไม่รับรู้
เพราะคิดว่าจะทำให้ ความรู้สึกตัวเองดีขึ้น กับเหตุการณ์ที่เหมือนหนักหนา ร้ายแรง เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น แต่เอ๊ะ มันจะดีได้อย่างไง ในเมื่อเราไม่คิดจะ ลงมือแก้ไข หรือป้องกันเหตุการณ์เหล่านั้น ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเหตุการณ์นั้น ดันเป็นเรื่องราวของคนทั้งโลก หรือเรียกง่ายๆ ว่าโลกจะแตกจากการที่โดนดาวหางชน
รวมถึงหนังเรื่องนี้ ต้องขอบอกก่อนเลยว่า ไม่ว่าใครจะเป็นคนที่ชื่นชอบดาราคนไหน ทั้งลีโอนาโด ดีคาปริโอ, เจนนิเฟอร์ ลอร์เรนท์ หรือแม้แต่ป้าเมอรีล สตรีฟ ก็ตาม เพราะถือว่านอกจากชื่อเสียงของ ซุปเปอร์สตาร์ที่บอกมาแล้ว ฝีมือการแสดงไม่เคยทิ้งห่างไปจากความดังเลย การเลือกดูเรื่องนี้ ซึ่งตอนนี้ถือว่า อยู่ในอันดับที่ 3 ของการติดตามดูซีรี่ย์ ของคนไทยซะแล้ว
เมื่อตลกร้าย การเสียดสีสังคม มีใน Don’t Look Up อย่างเลี่ยงไม่ได้
หนังเรื่องนี้อาจเป็นแค่หนังอเมริกัน แต่การสื่อเนื้อหาที่บอกความจริงในหลายเรื่อง ของสังคมของทุกประเทศที่เจอๆ กันอยู่ แต่คนในประเทศส่วนใหญ่ อันนี้ต้องบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตาม ยังมีการปกปิด และรู้แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ แบบตาใส อย่างเช่น ระบบการเมือง ที่มีผลประโยชน์ และการเตรียมการณ์ทุกอย่าง ที่จัดฉาก และดูเหมือนเป็นการแสดงละครให้ประชาชนนั่งดู หรือบางอย่างที่เป็นเหตุรุนแรง แต่คนเราก็เลือกที่จะ ดูแลรักษาความรู้สึกตัวเอง เหมือนอย่างใน Don’t Look Up ที่ผู้นำประเทศบอกประชาชนของตัวเองว่า อย่ามองข้างบนสิ ถ้ามันแย่มาก หรือซีเรียสมากนัก โดยการบอกตัวเอง และทำให้ดูเหมือนทุกอย่างไม่มีอะไร และปล่อยให้สิ่งเลวร้ายนั้น เกิดขึ้นและอยู่ในสังคมเราไปเรื่อยๆ
ตัวหลักที่เดินเรื่อง เห็นจะพลาดไม่ได้กับ ดร.วินดี้ และว่าที่ดร.เคท ที่นำแสดงโดย ลีโอนาโด และเจนนิเฟอร์ เริ่มต้นเรื่องก็ถือว่า เราได้เห็นภาพลางๆ ของการฉาบหน้าด้วยความสวยงาม และการเคลือบทุกอย่างด้วยผลประโยชน์ อย่างการเข้ามานั่งรอ ในทำเนียบขาวฯ เพื่อจะบอกข่าวดาวหางที่จะชนโลก ซึ่งผลที่จะเกิดขึ้น ในอีก 6 เดือนกับอีก 14 วันนั้น ดร.วินดี้ นักดาราศาสตร์ที่เก่ง และได้รับการยอมรับ บอกเลยว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ประชากรทั้งโลก ตายแน่นอน
ดังนั้นการเข้ามาบอกข่าวนี้ กับประธานาธิบดี ที่มีเมอรีล สตรีฟ แสดงสวมบทบาทได้แบบ ยอมทิ้งความทรงจำเรื่อง นางมารสวมพราด้าไปเลย แต่หนังก็ไม่วาย ให้คนยังฝังใจกับบทบาทที่เคยเล่น โดยการให้เปิดตัวสวมสูทสีแดงสด ที่โดดเด่นเหมือนผู้อำนวยการหนังสือแฟชั่น มากกว่าประธานาธิบดี เมื่อการพูดคุยทุกอย่าง ที่ฝ่ายนักดาราศาสตร์ ต้องการให้มีการปกป้องโลก ด้วยการทำวิธีการใดก็ได้ แต่ฝ่ายผู้นำประเทศ กลับดูความเป็นไปได้ ในการได้เสียของคะแนนเสียง ที่จะต้องเลือกตั้งในเร็วๆ นี้
อีกส่วนคือ แม้กระทั่งการนั่งรอ และผู้พันที่เป็นฝ่ายอำนวยความสะดวกให้ สำหรับการเข้าพบประธานาธิบดี การยื่นขนมพร้อมกับน้ำ 1 ขวด และบอกว่าทางทำเนียบขาว มีการเรียกเก็บของว่างเหล่านี้ และภายหลัง ดร.เคท กลับพบว่า เค้าให้กินกับฟรีๆ ซึ่งทำให้คนดูอย่างเราๆ ถึงกับหัวเราะไม่ออก กับตลกร้าย ที่เสียดสีสังคมแบบตบหน้ากันจังๆ ก็ว่าได้
เหตุการณ์สมมติดาวหางชนโลก ให้เห็นถึงความรับผิดชอบของมนุษย์โลก
จริงๆ แล้วเรื่อง Don’t Look Up เหมือนเป็นการตีแสกหน้า ให้คนเราได้ตระหนักรับรู้ว่า หากทุกวันนี้ ยังมุ่งที่จะมองเห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเองอยู่ละก็ ไม่นานเมื่อเราตักตวงจนมากเกินไป โลกจะทำให้เรารู้ว่า ตัวเราหรือเงินที่หาได้ ทั้งจากการโกงกิน หรือเทคนิคหลอกล่อใดๆ ก็ตาม เราก็เอาไปพร้อมกับ ความตายที่จะพาเราไปจากโลกนี้ไม่ได้ แต่เชื่อมั้ยว่า คนเราตอนนี้กว่าจะรู้สึกตัว ก็สายเกินไปเหมือนในหนัง รอให้ถึงเวลาที่เหลืออยู่ไม่ถึงเดือน
ดังนั้นการดูหนังเรื่องนี้ สามารถดูได้ 2 แบบ หรือ 2 มุมมอง การดูแบบไม่คิดอะไรมาก เพราะคิดแค่ว่า เหตุการณ์เนื้อเรื่อง เป็นการคิดขึ้นมาเพื่อให้หนังดูสนุก รวมถึงเหตุการณ์ดาวหางชนโลก คงไม่มีวันที่จะเกิดขึ้น เพราะมีการทำนายบ้างว่า ขึ้นปี 2000 โลกจะแตก หรืออะไรต่างๆ นานา โลกก็ยังอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
แต่หากเราดูเพื่อเป็นการสะท้อน เพื่อเป็นบทเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม อาจไม่ใช่เหตุการณ์ร้ายแรงขนาดโลกจะแตกแล้ว แต่เรื่องที่เป็นผลกระทบกับคนในสังคมส่วนรวม หรือแม้แต่การเอาเปรียบคนอื่น ที่เกิดจากความเห็นแก่ตัวของเราเอง ก็ถือว่า Don’t Look Up เป็นคู่มือให้เราทุกคน ต้องใช้เวลาในการดูเรื่องนี้ อีกหลายรอบ เพื่อเป็นการสอนตัวเราทุกคนว่า ไม่มีอะไรดีกว่า การดูแลกันในฐานะสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ โดยที่คิดไว้ว่า หากคนอื่นแย่ เราจะสบายไปได้ยังไงกัน
