To The Lake จริงๆ ชื่อหนังอาจจะไม่ได้บ่งบอกอะไรมากมายเกี่ยวกับตัวหนัง กว่าจะรู้ว่าทะเลสาปคืออะไร ก็เข้าไปถึงตอนท้ายๆ ของเรื่อง ที่พ่อของเซอร์เกพระเอก วางไว้ว่าที่แห่งนี้ที่เป็นทะเลสาบ เป็นที่ๆ พ่อของพระเอกเคยไปตกปลา และเป็นที่ๆ คนคาดไม่ถึงว่า จะเป็นที่ปลอดภัยได้ แต่ถ้าเราดูไปถึงตอนจบจริงๆ จะรู้ว่า ที่ตรงนี้เป็นที่ปลอดภัยจริงหรือไม่
หนังไวรัส หรือบางเรื่องอาจเป็นการเสนอเนื้อหาแบบซอมบี้ ที่โยงให้เกี่ยวข้อง และน่าดูว่าเมื่อไหร่ที่มนุษย์เราติดเชื้อไวรัส สภาพก็เป็นแบบนี้ ทั้งมีการพ่นเลือดออกมา ท่าเดินผิดรูป รวมถึงสิ่งที่สังเกตได้ง่ายที่สุด คือตาจะไม่มีแวว หรือบางเรื่องให้นักแสดงใส่เลนส์ที่เป็นสีขาวขุ่นไปเลย เพื่อให้ชัดเจนกับคนดูด้วยว่า คนๆ นี้ไม่น่ารอด
ธาตุแท้ของแต่ละคนแสดงออกมาผ่าน To The Lake
เราจะเห็นการเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ ก็เหมือนหนังเชื้อโรคที่ผ่านๆ มาคือ เชื้อได้ระบาด และมีการเกิดสิ่งผิดปกติกับมนุษย์กันแล้ว แต่มีการปิดข่าวเพื่อไม่ให้เกิดความแตกตื่น มากกว่านั้นคือ การรักษาชื่อเสียงของฝ่ายการเมือง หรือฝ่ายทหารที่มีหน้าที่ต้องรักษาหน้าไว้ก่อน จนมาถึงครอบครัวของทั้งพระเอกอย่าง เซอร์เก ที่ผ่านการมีภรรยามาหนึ่งคนคือ อิริยา และมีลูกชายอายุ 7 ขวบอีกหนึ่งคน ในปัจจุบันเซอร์เก ก็มีภรรยาที่เป็นนักจิตวิทยา ที่ไปรู้จักกันในวันที่ต้วเขา ตกลงกับอิรินาว่า ต้องการจะเชื่อมความสัมพันธ์กันอีกครั้ง โดยการให้อันยาคนนี้ช่วยบำบัด แต่แล้วอิรินาก็ผิดนัด ทำให้เป็นโอกาสที่ดีให้เซอร์เก ได้รู้จักกับอันยา และมีลูกคนโตอยู่ในช่วงวัยรุ่น ที่เป็นออทิสติค
แต่เมื่อเหตุการณ์โรคระบาดที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึงมาที่ครอบครัวพระเอก รวมถึงเพื่อนบ้านอย่าง ลีโอยา ที่มีภรรยากำลังตั้งท้อง เมื่อถึงเวลาที่มองเห็นว่า เซอร์เก เล่นพาทั้งภรรยาคนปัจจุบัน และภรรยาในอดีต รวมถึงลูกที่ติดมาในการร่วมเดินทาง หาที่ปลอดภัยจากโรคระบาดนี้ และเหมือนเป็นภาระ สิ่งที่ลีโอยา ที่ร่ำรวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่เคยเจอเรื่องราวแบบนี้ ก็วางแผนขาดการติดต่อจากเซอร์เก ในการแกล้งบอกว่าจะกลับไปที่บ้านเพื่อไปเอาเชือกลากรถให้กับเซอร์เก เพราะรถของครอบครัวพระเอกเกิดดับ To The Lake ก็เลยค่อยๆ สื่อถึงคนดู ในความเป็นมนุษย์ว่า เมื่อถึงเวลาที่คับขัน เราสามารถมองเห็นเบื้องลึกของแต่ละคนได้อย่างง่ายดาย แต่เชื่อหรือไม่ว่า ถึงแม้เซอร์เกจะเจอเพื่อนบ้านที่หักหลัง และไม่สนใจใยดีตัวเขา และครอบครัวที่อยู่รอความช่วยเหลือ 5 คน ตัวเขาก็ยังคงให้อภัย และคอยช่วยเหลือ ลีโอยาอาจเพราะมีภรรยาที่ติดตามมาด้วย และกำลังตั้งท้องอยู่
ปัญหาที่เกิดอาจมาจากคนอื่น หรือเราทำกันเองก็ได้

ยิ่งโดยเฉพาะเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างเรื่องนี้ ที่จู่ๆ ก็เกิดมีโรคระบาดเข้ามาโดยที่ไม่ทันตั้งรับ ทุกคนในเรื่อง ก็ดูตื่นตระหนก และเวลาเจอปัญหาอะไรเข้ามากลางคัน ดูเหมือนจะทำให้เรื่องราวรุนแรงมากกว่าเดิม โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่เกิดปัญหาจุกจิกระหว่างอิรินา กับอันยาบ่อยครั้ง จนนคิดว่าบางคนดู อาจจะเกิดความรำคาญเล็กน้อยว่า ใกล้ตายกันหมดแล้ว ยังมัวมาหึงหวงกันอีก
ซึ่งเรื่องนี้อาจไม่ได้เพียงแค่ ให้เราดูเพื่อความสนุกกับโรคระบาด ที่เข้ากับสถานการณ์จริงในตอนนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เราได้มองลึกในปัญหามากกว่านั้นคือ การที่มีปัญหา หรืออะไรที่เกินความคาดหมายเข้ามาในชีวิตครอบครัว ที่มีมากกว่าคนหนี่งคน มันอาจจะไม่ได้หมายถึง เราต้องดูแลคนในครอบครัวอยู่คนเดียว แต่มันเป็นบทพิสูจน์ว่า คนในครอบครัวทุกคนมีหน้าที่ต้องดูแลกัน เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่เซอร์เก จะปกป้องความปลอดภัยให้กับคนอีก 4 คนได้อย่างแน่นอน
แต่พอผ่านไปตอนที่ 4-5 เราจะได้รู้ว่ามีตัวช่วยหนึ่งเข้ามา เรื่องการช่วยให้โรคที่กำลังรุนแรงมากขึ้น มีทางออกที่แบบเหนือความคาดเดา แต่เพราะเป็นหนังที่สามารถเพิ่มบทต่างๆ ลงได้สำหรับตัวช่วยที่มาจากภูมิต้านทานของคนๆ หนี่งที่ทำงานเป็นหมอในหน่วยรถพยาบาล แต่ในชีวิตจริงเรา อาจจะไม่มีตัวช่วยเหมือน To The Lake แต่เชื่อว่าถ้าคนในครอบครัวทุกคน เข้ามาช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร หรือแม้แต่เชื้อโรคร้ายก็ตาม อย่าหนีเอาตัวรอดคนเดียวเหมือนอย่าง ลีโอยา เพราะท้ายสุดก็ต้องมาขอความช่วยเหลือคนอื่นเหมือนกัน