Emily in Paris หนังซีรี่ย์ที่อาจเทียบความใกล้เคียงได้กับ The Devil Wears Prada เมื่อเอมิลี่คือหญิงสาวในวัยทำงาน ที่มีเป้าหมายวางไว้ว่าเธอต้องได้เป็น ผู้จัดการแบรนด์หลังจากที่กลับจากการไปแทนงานสาขาที่ปารีส โอกาสที่ถือว่าเกิดขึ้นได้น้อยมาก เพราะจริงๆ แล้วต้องเป็นหัวหน้าของเธอที่จะต้องไป แต่เกิดท้องก่อนโชคชะตา หรือเรียกได้ว่าความท้าทายก็มาเคาะประตูให้เอมิลี่เป็นคนรับงานตรงนี้แทน
ก่อนที่เธอจะไปทุกอย่างได้วางแผน และวาดฝันร่วมกันแฟนหนุ่มของเธอว่า ภายในปีหนึ่งที่ไปอยู่ปารีส เธอต้องกลับมาพร้อมโอกาสที่เจริญก้าวหน้า คงเหมือนกับเราหลายคน ที่เมื่อมีโอกาสที่ดีเข้ามา การมองวางแผนอนาคตข้างหน้า ให้เป็นตามที่เราคิดวาดไว้ในทางที่ดี แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่มีวันที่จะได้มาง่ายๆ โดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน การงาน หรือความสำเร็จ
Emily in Paris เหมือนกระจกให้เราเห็นว่า ความเปลี่ยนแปลงมาพร้อมข้อดีและข้อเสีย
อะไรที่ต้องเริ่มต้นใหม่ และเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่นับหนึ่ง มักจะเป็นเรื่องยากเสมอ และน่าท้าทายเฉพาะแค่กับบางคนเท่านั้น อีกหลายคนคงต้องการที่จะอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ทำในสิ่งที่เคยทำ และมั่นใจในสถานที่ๆ ตัวเองอยู่ ความรู้สึกเหล่านี้จะไม่มีในEmily in Paris เพราะเมื่อเธอได้เหยียบลงบนเมืองหลวงของฝรั่งเศส ปารีสที่เหมือนเป็นที่ๆ ใครๆ อยากจะมา เป็นที่มีทั้งศิลปะ และแฟชั่นที่แปลกใหม่เสมอ แต่ผู้คน และวัฒนธรรมที่นี่ก็คือ สิ่งที่เอมิลี่ควรจะใส่ใจ และจริงๆ แล้วควรเริ่มศึกษาก่อนที่จะมาถึงเสียด้วยซ้ำ
ภาษา และวัฒนธรรมองค์กร รวมถึงมุมมองของคนฝรั่งเศส ที่มีความแตกต่างจากคนอเมริกันอยู่มาก และเอมิลี่ก็คือคนอเมริกันที่โดนมองว่า แปลกแตกแยกจากพนักงานทุกคนที่ทำงานในบริษัทสาขาที่นี่ โดยเธอได้เห็นลางบอกเหตุจาก ที่เธอได้แนะนำองค์กรที่นี่ ถึงการที่ควรเข้าหาสื่อโซเชียลให้มากกว่านี้ แต่กลับโดนบอกปัดความคิดนี้ว่า จริงๆ แล้วที่บริษัทก็มีความใส่ใจอย่างที่เธอบอกก่อนหน้าแล้ว เหมือนตีแสกหน้าว่า ไม่เห็นต้องบอกความคิดเห็นนี้ เพราะมันดูไร้ค่า อีกทั้งยังบอกติดท้ายด้วยภาษาฝรั่งเศสกับพวกเดียวกันว่า วิบัติมาเยือนแล้ว
เวลาโชคร้ายกระหน่ำเข้าหาเรา เราจะมองว่ายังไง
หลังจากที่เอมิลี่เจอกับปัญหาวัฒนธรรมในบริษัท ที่เหมือนคนฝรั่งเศสจะมีประเด็นกับแนวคิดการทำงานของคนอเมริกันอย่างเอมิลี่ ตั้งแต่แนวคิดอย่างที่เราเคยได้ยินกันมานานว่า คนอเมริกันมีชีวิตอยู่เพื่อทำงาน คือทุ่มเททุกอย่างเพื่องานที่ตัวเองทำเท่านั้น แต่คนฝรั่งเศสทำงานเพื่อให้มีชีวิตอยู่ เน้นความสุขในชีวิตมากกว่า
ดังนั้นคนฝรั่งเศสมักตำหนิแนวคิดการทำงานของคนอเมริกันว่า ความสำเร็จที่คนอเมริกันต้องการนั้น จริงๆ แล้วเป็นเหมือนบทลงโทษมากกว่า เพราะเมื่อได้มาแล้วก็จะพ่วงมาพร้อมกับ ความเจ็บป่วย หรือครอบครัวที่แตกแยก
รวมถึงปัญหาของเอมิลี่ไม่ได้มีแค่ที่ทำงานเท่านั้น แต่บานปลายไปถึงแฟนหนุ่ม ที่เริ่มมองเห็นว่า อุปสรรคความรักกลายเป็นระยะทางที่ห่างไกล และต้องห่างกันแบบนี้อีกปีหนึ่งทีเดียว การบอกเลิกกะทันหัน เลยเป็นจุดเปลี่ยนให้เอมิลี่กลับหาทางพัฒนาตัวเองอย่าง การฝึกเรียนภาษาฝรั่งเศส เพราะรู้ว่าตัวขัดขวางการทำงานของเธออย่างหนึ่ง คือการที่เธอไม่สามารถสื่อสารกับคนฝรั่งเศสด้วยภาษาเฉพาะของพวกเขาได้
จริงๆ แล้วการที่ตัวเอมิลี่จะให้ได้รับการโปรโมทเป็นผู้จัดการแบรนด์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องผ่านกระดูกหลายชิ้น และหนึ่งในชิ้นสำคัญคือ ซิลวี่หัวหน้าเธอสายตรงที่สาขาปารีส เพราะกลายเป็นเธอเองดันเป็นคนโปรดของอังตวน เจ้าของแบรนด์น้ำหอม และซิลวี่ก็แอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับอังตวนก่อหน้า โดยที่อังตวนมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว เลยเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ว่า เอมิลี่จะโดนหัวหน้าอย่างซิลวี่ไม่ชอบหน้าด้วย
แต่นอกจากEmily in Paris จะเน้นเนื้อหาเรื่องการทำงานโดยใส่ความบ้าพลัง และมีไฟในการทำงานผ่านตัวเอมิลี่เพื่อเข้าถึงคนดู ให้ซึมซับความรู้สึกเหล่านี้ได้แล้ว อีกมุมมอง และสิ่งที่สอนเรามากๆ อย่างหนึ่งคือ ความคิดที่อยากจะทำอะไร หรือวาดฝันใครๆ ก็ทำกันได้หมด แต่สำคัญกว่านั้นคือ ใครต่างหากเมื่อเจอกับสถานการณ์จริง ที่ไม่ง่ายอย่างที่หัวสมองเราคิดไว้ จะสามารถลุยผ่านอุปสรรคเหล่านั้น จนไปถึงเป้าหมายที่เราปักธงไว้ได้
อ่านบทความเพิ่มเติม
https://weloveserie.com/ซีรี่ย์ฝรั่ง/
เครดิตภาพป็อกเด้ง ออนไลน์
https://google.com/