Orange is The New Black โดยรวมเนื้อหา เป็นซีรี่ย์เกี่ยวข้องกับ นักโทษหญิง เรือนจำ และการอยู่ให้เป็นภายในกรงขังแห่งนี้ โดยเฉพาะความสนุก และน่าติดตามอยู่ที่ นักโทษหญิงที่เข้ามาใหม่ เป็นคุณหนูที่อยู่ในสังคม นิวยอร์กซิตี้ ด้วยความพลั้งเผลอ จากช่วงที่เป็นวัยรุ่น ไม่ได้คิดอะไรมาก กับการตัดสินใจค้ายา กับเพื่อนสาวคู่เลสเบี้ยนในอดีต โดยเอาการพาไปเที่ยวล่อใจเธอ
พอได้รู้เนื้อหาซีรี่ย์คร่าวๆ ทำให้นึกถึงอีกเรื่อง ที่มีเนื้อหา และการวางตัวละคร กับเหตุการณ์ได้ดึงดูดไม่แพ้กัน แต่เรียกว่าหากใครดูทั้ง 2 เรื่องนี้แล้ว จะรู้ว่าเป็นซีรี่ย์คนละแนว กับเรื่อง Wentworth ซึ่งเป็นการใส่เนื้อหา ที่อาจจะดูเครียดกว่า และเน้นสาระ การซ่อนเงื่อน และผลประโยชน์ในแต่ละการกระทำมากกว่าเรื่องนี้
คำถามที่คนดูต้องลุ้นกันเลยทีเดียว กับหญิงสาวที่ไม่เคยลำบากมาก่อน กลับต้องมาอยู่ในเรือนจำแบบนี้ การเจอคนที่ผ่านคดีในการทำผิดกฏหมาย แบบต่างๆ นานา ที่สำคัญกับการอยู่ในสังคมนักโทษหญิงแห่งนี้ให้เป็น เพราะหากอยู่ไม่เป็น ระยะเวลาที่เธอต้องใช้อยู่ในนี้ 15 เดือนคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อย่างแน่นอน
เมื่อการตัดสินใจผิด ทำให้ได้ประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นในคุก Orange in The Black
โดยหนังซีรี่ย์เรื่องนี้ Orange in The Black เป็นการบอกถึง ผลของการกระทำของไพเพอร์ หญิงสาวผมบลอนด์ที่มีสภาพความเป็นอยู่ การศึกษา และครอบครัวที่ดี แต่มีช่วงจังหวะชีวิต ที่ตัดสินใจในการเดินทางที่ผิด เชื่อคำชักจูงของอเล็กซ์ แฟนสาวในช่วงเวลาที่คบกัน ก่อนหน้าที่จะเข้ามาอยู่ในเรือนจำนี้ 10 ปี และที่สำคัญ การร่วมมือขนเงิน เพื่อค้ายานั้น ทำให้ในวันนี้ ชีวิตของไพเพอร์ต้องมาจบที่คุก
แต่ที่ไม่น่าเชื่อกว่านั้นคือ ไพเพอร์มาเจอกับอดีตแฟนสาวที่นี่ อเล็กซ์แฟนเก่าของไพเพอร์ ที่ในวันที่ตัวเธอโดนตำรวจจับ เธอก็สาวความผิดที่ค้ายาไปถึงไพเพอร์ด้วย และเพราะแบบนี้รวมถึง การจากกันแบบไม่ค่อยจะดีต่อกันสักเท่าไหร่ ทำให้ทุกความช่วยเหลือ ที่อเล็กซ์มีให้กับไพเพอร์ ในช่วงเวลาที่เธอเข้ามาตอนแรกนั้น ไพเพอร์แทบจะไม่มองหน้า และไม่รับความช่วยเหลือใดๆ จากแฟนเก่าเธอเลย
ตัวตนของซีรี่ย์เรื่องนี้ที่เป็นไอคอนประจำเรื่อง
เมื่อดูมาได้สักพักเริ่มตั้งแต่ตอนเริ่มเรื่อง และหากใครได้ดูต่อเนื่องไปเรื่อยๆ นั้น จะรู้ได้เลยว่า การวางเนื้อหาจะเป็นรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป การเดินเรื่องสักพัก แล้วก็จะมีการรื้อปมหลัง ของนักโทษแต่ละคน ซึ่งตรงนี้อาจถูกใจบางคน และอาจจะดูว่าหนังอืด และขาดตอนในเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไป แต่ต้องมาย้อนอดีตให้คนดูได้รู้ถึงตัวละครตลอด
แต่ในข้อดีก็มี ถ้าใครดูไปยาวๆ ในหลายซีซั่นแล้ว ความเข้มข้น และความรุนแรงของเหตุการณ์ที่เกิดในคุกแห่งนี้ จะเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่า ตัวละคร และบทหนังดูๆ ไปยังไม่หนักแน่นเท่าเรื่อง Wentworth แต่ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่า ความชอบใครจะตรงกับเรื่องนี้ ซึ่งด้วยความที่เน้นตัวละครหลักอย่าง ไพเพอร์ หญิงสาวที่ไม่ได้มีพื้นเพ ครอบครัว หรือชีวิตที่ติดดินนัก เลยทำให้ทั้งเรื่องก็ออกแนว จะเถื่อนก็เถื่อนไม่สุด เหมือนกั๊กๆ ไปไม่ถึงไหน
ไม่ว่าใครจะชอบซีรี่ย์เรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนก็ตาม เพราะมีให้ค่อยๆ ดูอย่างยาวๆ ถึง 7 ซีซั่นกัน ซึ่งอย่างที่รู้ เรื่องราวในคุกมีให้สร้างไม่มีวันจบ อีกทั้งยังสามารถไปต่อได้อีก แต่ที่รู้ๆ ว่าหากเราดูชีวิตของไพเพอร์ ที่เธอต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากในคุก อาจมาจากแค่จุดเล็กๆ ในการตัดสินใจผิดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งถึงแม้จะผ่านไป 10 ปีคดีก็สามารถเอาผิด จับเข้าคุกได้
อย่างน้อยที่สุด Orange in The New Black ก็บอกเราให้ได้รู้ และอย่าลืมว่า ไม่ว่าเรื่องเล็กแค่ไหน หากเราประมาท และมองข้ามทำไปแบบไม่ไตร่ตรอง ก็อาจทำให้ชีวิตเราพังแบบไม่เป็นท่าก็ได้ ซึ่งต้องบอกว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แต่ต้องทำใจนะว่า การเริ่มต้นใหม่ จากการได้ผลของการกระทำ ที่ผิดพลาดไป ตัวเราอาจไม่ได้ไปยืนอยู่ ในจุดเดิมของชีวิตช่วงก่อนหน้านั้นก็ได้