V Wars สงครามระหว่างมนุษย์กับผีดิบดูดเลือด

V Wars เราคงไม่คาดคิดว่า เรื่องเล็กๆ เพียงแค่เพื่อนร่วมทีมวิจัย ในศูนย์วิจัยแถบขั้วโลกเหนือหายไป จะเกิดเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โต จริงๆ แล้วซีรี่ย์เรื่องนี้ หากจะดูให้สนุก โดยที่มองข้ามบางอย่างไป จะดีกว่าการไปหาจุดที่อาจจะไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าไหร่

อย่างเช่นเมื่อพระเอกของเราอย่าง ดร.ลูเธอร์ สวอน ที่เป็นทั้งหมอวิจัย และนักพูดเกี่ยวกับการโครงการวิจัยของเขา ต้องไปตามหานักวิจัยที่ศูนย์วิจัยแห่งหนึ่ง ร่วมกับเพื่อนคู่หู ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยในทีมวิจัย แต่ถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากขนาด เป็นพี่น้องกันได้ และเหตุการณ์เพียงแค่จุดเล็กๆ ในศูนย์วิจัยที่หนาวเหน็บนั้น ก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อมีการติดเชื้อจากเศษชีวภาพในกล่องเก็บเชื้อ

เมื่อกลับมาถึงหน่วยวิจัย โดยที่ดร. ลูเธอร์ บอกกับเพื่อนสนิทอย่าง ไมเคิล เฟย์เลยว่า เราสองคนปนเปื้อนเชื้อ และต้องกักตัว แต่ที่หากมองถึงความเป็นไปได้ และเหตุผลในความจริงแล้ว การกักตัวของสองคน และผลตรวจเชื้อ ที่หัวหน้าโครงการวิจัยได้บอกว่า ผลออกมาไม่เกิดการติดเชื้อ และบอกให้ทั้งสองคนกลับบ้านได้ ถือว่าเป็นเรื่องหละหลวม

ในเมื่อนักวิจัยหายตัวไป และคิดว่าต้องมีการตายเกิดขึ้น การตรวจเพียงครั้งเดียวไม่เจอเชื้อ และปล่อยตัวถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าควรเกิดขึ้น โดยเฉพาะหากเป็นเหตุการณ์จริง และไม่ว่าจะเป็นจุดเล็กๆ ที่มองข้ามอย่างนักวิจัยหายสาบสูญไปจากหน่วยวิจัย หรือการปนเปื้อนเชื้อของทั้ง ดร.ลูเธอร์ และไมเคิล เฟย์ เพราะตรงนี้เป็นเหมือนไฟลามทุ่งที่แพร่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว

V Wars เมื่อคำจำกัดความสายพันธุ์มนุษย์ใหม่เกิดขึ้น

อย่างที่ได้บอกไปว่า หากจะดูว่าซีรี่ย์เรื่องนี้มีหลุดตรงไหนบ้าง คิดว่าน่าจะเยอะพอสมควร แต่หากดู V Wars แบบเอาความสนุก และผ่านเลยไปกับเรื่องที่บางครั้งก็เห็นว่า ไม่มีเหตุผล หรือทำไมไม่ป้องกันในกรณีที่เป็น ดร.ฝ่ายวิจัยโรคติดต่อ แพร่ระบาดด้วยแล้ว การปล่อยตัวของทั้ง ดร.ลูเธอร์ และไมเคิลนั้น ทำให้เกิดเรื่องเกินที่จะตามแก้ไขได้ทัน

เพราะเมื่อดร.ลูเธอร์ กลับบ้านเจอภรรยา รวมถึงเพื่อนของเขา ไมเคิล ที่กลับไปก็ห้ามไม่ได้ที่จะต้องเจอกับแฟนสาว เมื่อเหตุการณ์การมีความสัมพันธ์ไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดาอย่างทุกครั้ง เพราะทั้งสองคนมีเชื้อบางอย่างที่เกิดจากการไปศูนย์วิจัยครั้งนั้น และอย่างที่พวกเราคาดการณ์ไว้ ทุกอย่างก็เกิดขึ้น

แต่สิ่งที่เกินความคาดหมายคือ เชื้อที่ระบาดจะเป็นกับบางคน แต่ความโชคดีอยู่ที่ว่า จำนวนเปอร์เซ็นต์ของ คนที่สามารถรับเชื้อและแพร่ได้มีมากกว่า คนที่ไม่ออกอาการ และไมเคิล เฟย์ ก็เป็นมนุษย์คนแรกเริ่ม ที่ได้รับเชื้อและแพร่ไปยังคนอีกหลายพันคน จนภายหลังได้รับเลือกให้เป็นผู้นำกลุ่ม Blood Nations ที่มีความต้องการรวมตัวของ มนุษย์ที่คล้ายแวมไพร์ ต้องมีชีวิตโดยการกินเลือดมนุษย์ และมองเห็นว่า การอยู่เป็นกลุ่มก้อน จะช่วยให้มีทางรอดมากกว่า อยู่ตัวคนเดียว

บทสรุปลงท้าย มนุษย์กับสายพันธุ์มนุษย์เกิดใหม่จะอยู่ร่วมกันได้มั้ย

จริงๆ ข้ออ้างที่มีการเสนอจากกลุ่ม Blood Nations ที่เรียกร้องให้มีการจำกัดคำ หรือการนิยามกลุ่มคนที่กินเลือดมนุษย์ ให้มีที่ยืนในสังคมแบบนี้ ถือว่าเหมือนเป็นการยอมรับ ให้เกิดการฆ่ามนุษย์ด้วยกัน เพื่อกินเลือดยังไงอย่างนั้นเลย เพียงแต่ใช้คำพูดสวยหรูแค่นั้น

แต่สิ่งที่ต้องบอกเลยว่า นอกจากซีรี่ย์เรื่องนี้ ยังมีบางตอน หรือบางการตัดสินใจ ในการเขียนเนื้อหาหนังที่ยังไม่เป็นเหตุเป็นผล เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ต้องการให้หนังพาไป ตอนจบของเรื่องนี้ยังอาจทำให้ใครหลายคนที่ดูมาหลายตอน ต้องรู้สึกว่าจบแบบนี้ก็ได้เหรอ

ไม่ว่าจะเป็นจุดบกพร่อง หรือจุดที่เราคนดูบางคนอาจจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ยังไง V Wars ก็ไปตามแนวทางหนังเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส หรือเชื้อทางชีวภาพก็ตาม ที่จะนำไปสู่การกลายพันธุ์ของมนุษย์ ที่เป็นแวมไพร์เหมือนอย่างซีรี่ย์เรื่องนี้นำพาไป แต่สุดท้ายแล้ว

หนังเรื่องนี้ก็ทำให้เราได้รู้สิ่งหนึ่งว่า ความรักของคนเป็นพ่อแม่ ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าสิ่งไหน ในเรื่องนี้หากใครดูตั้งแต่เริ่มซีซั่นตอนแรก ถึงตอนจบแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ดร.ลูเธอร์ มีความรักลูกอย่าง แดซมากแค่ไหน และทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในหนังแวมไพร์ หรือหนังเชื้อโรคแบบนี้ 

https://www.joblo.com/ian-somerhalder-returns-to-the-vampire-world-in-trailer-for-netflixs-v-wars/

https://www.sorozatjunkie.hu/tag/v-wars/

https://whatculture.com/tv/v-wars-review-5-ups-3-downs?page=4