The Penthouse เป็นเหมือนภาพสะท้อนกระจกเงา ไม่ว่าจะเป็นสังคมไหนก็ตาม ที่ยังอยู่ภายใต้อำนาจ การลงทุน มีชนชั้นในสังคม และช่องว่างระหว่างตัวบุคคล ที่แยกไว้ด้วย เงิน อำนาจ และชื่อเสียง เมื่อนั้นก็เลี่ยงไม่ได้ ที่จะเกิดความเหลื่อมล้ำ และการเอาเปรียบในแบบที่ต้องยอมจำนน ของกลุ่มคนในชนชั้นที่ด้อยกว่า
ซีรี่ย์เรื่องนี้ ถือว่ามีการตอบรับดีมาก เพราะเนื้อหาเหมือน เป็นการสะกิดต่อมการรับรู้ของเราทุกคนกันอยู่แล้ว แต่อาจด้วยความชินชา หรือการยอมรับโดยจำยอมว่า จริงๆ แล้วสังคมมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว อีกทั้งมีแต่ยิ่งนานวัน จะมีการพัฒนาของการนับถือ สิ่งฉาบฉวยเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทั้งหนังเรื่องนี้ และเนื้อหาจะโดนนำมาหยิบยก พูดถึงกันทั้งในสื่อโซเชียล และในกลุ่มสังคมอย่างมาก เมื่อมีการลงฉายที่ Netflix
ยิ่งสูงยิ่งได้เปรียบ และมองต่ำได้สำหรับ The Penthouse
ทั้งในเนื้อหา และบทเริ่มเรื่อง ที่แยกเป็นแต่ละครอบครัว และแต่ละตัวบุคคล สำหรับในแต่ละหน้าที่การงาน เพื่อให้คนดูได้เห็นความแตกต่าง และจำสถานะของแต่ละคนได้แม่น เพราะหลังจาก ep.1 ในเรื่อง The Penthouse นี้แล้วเรื่องราวจะยิ่งเข้มข้น และมีการซ่อนความสัมพันธ์ที่ลงลึก และซับซ้อนมากกว่าเดิม
หลักๆ แล้วหนังเรื่องนี้ จุดเด่นที่ต้องการให้คนดูได้โฟกัสคือ กลุ่มผู้หญิง ที่มีความแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ การมีฐานะเป็นแม่ และนอกจากการทะเยอทะยาน เพื่อให้ตัวเอง ได้มี ได้เป็น แล้วนั้น การทำสิ่งเหล่านี้ เพื่อลูกก็เป็นอีกเหตุผลหลักที่สำคัญ เพราะไม่ว่าแม่คนไหน ที่รวยอยู่แล้ว หรืออยู่ในฐานะที่ยากจนก็ตาม ต่างก็อยากจะหาสิ่งที่ดีที่สุด ให้กับลูกตัวเองทั้งนั้น
หนึ่งเดียวในตัวละครเรื่องนี้ ที่ถือว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องยอมรับ ในความอดทน และความรักที่มีต่อลูก โอยุนฮี ที่ถึงแม้ว่า เธอจะเป็นเซลส์ขายบ้าน คอนโด ที่อาจมองว่าขายได้ที รายได้ที่เข้ามาก็ไม่ได้น้อย แต่ต้องแลกมากับ ความอดทน การปรับตัว และต้องเอาใจลูกค้า ที่บางครั้งต้องบอกว่า ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกค้าตอบตกลงซื้อ
ซูรยอน เป็นแม่อีกครอบครัว ที่ต้องยอมรับ ในความเพียบพร้อมของตัวเธอ ที่เกิดมาในตระกูลที่มีความพร้อม และร่ำรวยอยู่แล้ว รวมถึงการแต่งงานกับสามี ที่เป็นนักธุรกิจ หัวการค้า หาแหล่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อยู่เสมอ และเป็นเจ้าของโครงการหรู ที่คนรวยต่างจับจอง เพื่อเป็นการแสดงฐานะ และเพิ่มบารมี
ซอจิน เป็นผู้หญิง ที่ไม่บอกว่าเป็นแม่คนแล้ว ก็ยังมองไม่ออกด้วยความที่ เธอดูแลรักษา ภาพลักษณ์ภายนอกเป็นอย่างดี เพราะเธอเป็นครุสอนร้องเพลง และยังเป็นนักร้องเพลงคลาสสิค และการออกเสียงร้องแบบโซปราโน รวมถึงภาพภายนอกที่เหมือนจะดูดี สามีที่เป็นถึงหัวหน้าศัลยแพทย์ แต่เสียงนินทา ก็ยังเชื่อว่า สามีเธอมีทุกวันนี้ได้ เพราะพึ่งบารมีครอบครัว และฐานะของตัวเธอ
นอกจากนั้น ยังมีตัวประกอบ ที่เข้ามายืนยันให้เราเชื่อว่า จริงๆ แล้วให้เราทุกคนทำทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองมีเงิน และร่ำรวยเถอะ เพราะเราจะมีได้ทุกสิ่ง รวมถึงความนับหน้าถือตา และความสะดวกสบาย ในทุกก้าวเดินกันเลยทีเดียว แต่หารู้ไม่ว่า ยิ่งเรามีเงินมากเท่าไหร่ ปัญหายิ่งตามมาเยอะเท่านั้น จากการกระทำของตัวเราเอง
เมื่อคนรวยทำอะไรไม่ผิด จุดเพาะเชื้อไฟที่ทำลายชีวิต
ในหนังเรื่องนี้ เราจะเห็นในปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง ทั้งในส่วนของครอบครัวกันเอง และการมีเรื่องขัดใจกับผู้คนนอกครอบครัว ทั้งในส่วนของลูกสาวของ โอยุนฮี ที่โดนใส่ร้ายเรื่อง การใส่สิ่งแปลกปลอมให้กับเพื่อน ที่เป็นลูกสาวของครอบครัว คังมารี และสามีของเธอ ที่ดูแลธุรกิจก่อสร้าง แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นเรื่องโดนใส่ร้าย ที่เกิดจากการแก่งแย่ง และความโดดเด่นเรื่องการร้องเพลง
แม้แต่ครอบครัวของ โกซัง ที่เข้ากันไม่ได้เลยกับ ครอบครัวฝ่ายสามี หรือพูดอีกนัยก็คือ ครอบครัวสามีเธอ ไม่กินเส้นกับเธอ ด้วยความที่มองดูฐานะ ไม่เหมาะสมกับลูกชายตัวเองตั้งแต่แรก แต่ยังไงภาพลักษณ์ฝ่ายสามีของ โกซัง ก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก สิ่งที่สังคมภายนอกพูดถึง ว่าการได้ทุกอย่างก็เพราะพ่อแม่สร้างไว้แล้ว
จริงๆ แล้วการดูหนังเรื่องนี้ ก็เหมือนละครที่มีส่วนผสมของ รัก โลภ โกรธ หลง และความต้องกาารของมนุษย์เรา แต่อยากจะบอกว่า การที่สังคมคนมีเงิน อาจดูภายนอกเหมือนดูดี และเต็มไปด้วยความสวยงาม แต่จริงแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวบุคคล มากกว่าตัวทรัพย์สิน สิ่งของว่าใครมีมาก จะทำให้ชีวิตดีสมบูรณ์ เพราะหนังเรื่องนี้ The Penthouse บอกได้อย่างดีทีเดียวว่า เงิน ชื่อเสียง อำนาจ หากเราไม่ควบคุมให้ดี ชีวิตก็สามารถพังได้แบบไม่รู้ตัว
https://animemanganews.com/the-penthouse-3-episode-3/