All of Us are Dead หลังจากที่ Train to Busan ได้สร้างความสะพรึง และสยองไม่น้อยไปกว่าหนังผี ก็มีหนังแนวซอมบี้สัญชาติเกาหลีใต้ ทยอยกันสร้างมากขึ้น และเรื่องหลังๆ ก็เป็นการเติมฉาก ที่หนังเรื่องผ่านๆ มาไม่เคยทำมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนตัวของเหล่าฝูงกองทัพซอมบี้ ที่วิ่ง และไล่ตามกัดเร็วกว่าเดิม อีกทั้งซอมบี้ในรุ่นหลังๆ ยังฆ่าไม่ค่อยตายอีกด้วย ต้องเรียกว่า วางระเบิดกันเลยทีเดียว ถึงจะตายสนิท
ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้น กับฉากเริ่มเรื่อง ก็ทำให้เราได้รู้ว่าสังคมในประเทศที่เจริญแล้ว หลายประเทศเป็นเหมือนกันคือ จิตใจคนเราพัฒนาก้าวไปไม่ทันกับ เทคโนโลยี โดยเป็นฉากที่เด็กนักเรียนวัยรุ่น ที่เป็นกลุ่มนักเลง ที่รังแกนักเรียนชายชื่อ จินซู ที่พ่อของเขา เป็นถึงอาจารย์วิทยาศาสตร์โรงเรียนมัธยม ฮโยซัน และเป็นโรงเรียนที่นักเรียนกลุ่มนี้เรียนอยู่
ลูกชายของเขา จินซู เก็บกดที่โดนเพื่อนกลุ่มนี้รังแกตลอด โดยขอให้พ่อตัวเองฉีดเชื้อไวรัสซอมบี้เข้าตัว เพื่อตามเอาคืนเพื่อนกลุ่มนี้ ฉากจบลงที่จินซูตกลงมาจากตึก และแน่นิ่ง แต่เซอร์ไพร์สมาตรงที่ ที่โรงพยาบาล จินซุยังไม่ตาย พ่อของเขาแอบเข้ามาหา และก็เกิดเหตุการณ์ที่ลูกชายคลั่ง จนพ่อต้องเอาหนังสือคัมภีร์ไบเบิ้ลทุบหัวจนแน่นิ่ง
เมื่อความจริงเปิดเผยในห้องแล็ปของ All of Us are Dead
แต่อย่างที่เรารู้ๆ กันภายในโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ ก็ได้รู้ถึงการหายตัวไปของ ลูกชายของครูอิยองชาน ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน จนความมาแตกในวันนี้ ที่มีเด็กนักเรียนหญิง อิยองจู เข้าไปทำความสะอาดห้องแล็ปของครูอิ๊ และเจอกรงใส่หนูทดลอง และเข้าไปเล่นจนได้แผลหนูกัดมา หลังจากนั้นหนูตัวนั้นก็คลั่ง และอาการของอิยองจู ก็กลายสภาพเป็นซอมบี้ แต่ครูอิ๊มาเห็นและจับไปล่ามกับโต๊ะทดลอง
ตลอดเวลาครูอิ๊ได้ฉีดยากันการแพร่เชื้อ แต่ในที่สุดช่วงที่ครูอิ๊ไปสอนหนังสือ อิยองจูก็กลายสภาพเป็นซอมบี้ และวิ่งเข้าไปห้องที่มีครูสอน จนทั้งครูและนักเรียนที่นั่งเรียนอยู่ ตกใจเพราะ เลือดออกทั้งในตา ปาก และเต็มหน้า จนต้องพาไปหาหมอที่ห้องพยาบาล แต่อาการของอิยองจู ไปกัดเพื่อนนักเรียนอีกคนที่ชื่อ ชเวนัมรา รวมถึงหมอในห้องพยาบาลนี้ด้วย กลายเป็นการแพร่เชื้อที่เหมือนกับชื่อหนัง All of Us are Dead เหมือนกับว่าทุกคนในโรงเรียนแห่งนี้ คงต้องตายกันหมด
การบูลลี่ รังแกก็เหมือนเชื้อร้ายซอมบี้ที่แพร่ไปทั่ว
นอกจากเรื่องนี้จะดูแบบเอาสยองเข้าว่า ที่สำคัญใครที่ชอบแบบ เลือดสาด เห็นทุกความสยอง และน่ากลัวแบบที่ไม่มีหนังซอมบี้ไหนทำเหมือนนั้น ยังชี้ให้เห็นถึง การกดขี่ข่มเหง ไม่ว่าจะเป็นคนที่อ่อนแอกว่า รวมถึงการรังแกเพศแม่ ที่อ่อนแอกว่า ให้เราได้เห็นควบคู่กับ ช่วงเวลาที่คนเริ่มกลายเป็นซอมบี้เพิ่มมากขึ้น เหมือนจะบอกว่าเชื้อร้ายอาจไม่ใช่เพียงแค่ ซอมบี้เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการกระทำที่เกิดจากมนุษย์ด้วยกันเองอีกด้วย
ตลอดการดำเนินเรื่อง จะมีดนตรีประกอบทั้งเร่งจังหวะ ในการสาวเรื่องราวต่างๆ และช่วงที่ซอมบี้เริ่มมากขึ้น จนไล่กัดกินเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ยิ่งเหมือนดูเกมเรียลลิตี้ ที่มีการไล่ล่าฆ่ากันแบบ ไม่ห่วงเรื่องความน่ากลัวของเลือดที่พุ่งออกมา จากการกัดของคนที่ติดเชื้อ หากใครชอบหนังแนวนี้ รับรองไม่ผิดหวัง
หากใครสังเกตตัวละครเด็กนักเรียนแต่ละคนแล้ว จะเห็นความแตกต่างของการแสดงออก และนิสัย เมื่อตอนที่สถานการณ์ยังปกติกันอยู่ แต่ All of Us are Dead ก็ยังตีแผ่ในช่วงเวลาที่เป็นวิกฤต แต่ละคนจะเผยสัญชาตญาณดิบออกมา และนั่นแหละที่หนังเรื่องนี้ อาจจะต้องการสอดแทรกให้คนดูได้รู้ว่า จริงๆ แล้วระหว่างมนุษย์ที่ยังไม่ได้รับเชื้อ แต่ต้องการเอาตัวรอด ในบางครั้งยังน่ากลัวกว่า ฝูงซอมบี้ที่ไล่ล่าอยู่ในหนังเรื่องนี้เสียอีก
